การวินิจฉัยและรักษาภาวะหนังหุ้มปลายตีบ

ใช้ไม่เกิน 6 สัปดาห์ภายใต้การดูแล การตรวจติดตามรายสัปดาห์เพื่อความปลอดภัย

คาร์ดิโอเบาๆ วันที่ 3 ยกน้ำหนักหลังจากไหมละลาย (ประมาณ 10 วัน)

หากดึงหนังหุ้มปลายไม่เปิดจนเห็นส่วนปลาย หรือรู้สึกเจ็บ–ตึงเวลาแข็งตัว มีรอยฉีก หรือทำความสะอาดได้ลำบาก ควรพบแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะเพื่อประเมินระดับความรัดและกำหนดแนวทางรักษา

ไม่จำเป็นเสมอไป ในรายที่อาการไม่มากอาจใช้ครีมสเตียรอยด์ร่วมกับการยืดหนังหุ้มปลาย แต่หากรัดมาก เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ หรือเกิดการติดเชื้อบ่อย แพทย์จะพิจารณาขลิบเพื่อแก้ปัญหาอย่างถาวร

ช่วยลดอาการเจ็บ–ตึงเวลาแข็งตัว ป้องกันการติดเชื้อเรื้อรัง เพิ่มความสะอาด ลดกลิ่นอับ และทำให้ร่นหนังหุ้มปลายได้อย่างสบายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการฉีกซ้ำ

โดยทั่วไปเจ็บน้อยกว่าที่คิด เพราะทำภายใต้ยาชาเฉพาะที่ ผู้ป่วยมักรู้สึกเพียงตึงเล็กน้อย ระหว่างทำแพทย์จะคอยประเมินความรู้สึกและปรับให้รู้สึกสบายที่สุด

แผลมักหายภายใน 1–2 สัปดาห์ และสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็ว ส่วนการมีเพศสัมพันธ์หรือช่วยตัวเองควรรอประมาณ 4–6 สัปดาห์เพื่อให้แผลสมบูรณ์

ส่วนใหญ่ความรู้สึกทางเพศยังคงเดิมหรือดีขึ้น เพราะไม่มีความเจ็บจากการรัดหรือการฉีกซ้ำระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ช่วยให้มีความมั่นใจและความสบายมากขึ้น

แผลเป็นมีขนาดเล็กและจางลงเรื่อย ๆ ตามเวลา หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แผลจะเรียบ สวย และมีผลต่อความสวยงามน้อยมาก

ช่วยได้มาก เพราะไม่มีการกักความชื้นหรือคราบใต้หนังหุ้มปลาย ทำให้รักษาความสะอาดได้ง่าย ลดการสะสมของแบคทีเรียและการอักเสบ